gt88.shop
Open in
urlscan Pro
2a02:4780:6:1732:0:633:b8d6:2
Public Scan
URL:
https://gt88.shop/
Submission: On December 06 via api from US — Scanned from NL
Submission: On December 06 via api from US — Scanned from NL
Form analysis
1 forms found in the DOM#
<form action="#">
<div class="contact_form-container">
<div>
<div>
<input type="text" placeholder="ชื่อ">
</div>
<div>
<input type="email" placeholder="อีเมล ">
</div>
<div>
<input type="text" placeholder="เบอร์โทร">
</div>
<div class="">
<input type="text" placeholder="ข้อความ" class="message_input">
</div>
<div class="btn-box">
<button type="submit">สมัครสมาชิก</button>
</div>
</div>
</div>
</form>
Text Content
GENTLEMAN * หน้าแรก (current) * บทความ * เรื่องย่อ * ติดต่อเรา * สมัครสมาชิก ชีวิตเทาๆ ของผู้ทำลายล้างโลก และประสบการณ์ชมภาพยนตร์ในโรงที่ไม่มีวันลืม อ่านต่อ สมัครสมาชิก 1. 2. 3. OPPENHEIMER Oppenheimer คือนามสกุลของผู้ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘Father of Atomic Bomb’ หรือ ‘บิดาแห่งระเบิดปรมาณู’ โดยชื่อเต็มๆ ของเขาคือ จูเลียส โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ (Julius Robert Oppenheimer) นักวิทยาศาสตร์เชื้อสายเยอรมันที่เติบโตในสหรัฐอเมริกา และเปลี่ยนชะตากรรมของโลกทั้งใบในเวลาต่อไป ออพเพนไฮเมอร์ถูกยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะตั้งแต่เด็ก ปี 1916 กับวัยเพียง 12 เขามีความเข้าใจทางด้านฟิสิกส์และเคมีในระดับยอดเยี่ยม ถึงขนาดได้รับการเชื้อเชิญจากสมาคมแร่วิทยาแห่งนิวยอร์กให้ไปบรรยาย โดยที่สมาชิกสมาคมไม่รู้เลยสักนิดว่าชายที่ถูกเชิญยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมเท่านั้น OPPENHEIMER ในวัยเพียง 19 ว่าที่นักวิทยาศาสตร์ระดับโลกสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด ในสาขาวิทยาศาสตร์เคมี โดยเรียนได้ดีในทุกรายวิชา ทั้งยังสามารถคว้าเกียรตินิยมอันดับ 1 มาครองด้วยระยะเวลาเพียง 3 ปี และนอกเหนือจากความเก่งแล้ว ออพเพนไฮเมอร์ก็เฮงสุดๆ เพราะจบมาในยุคสมัยที่ความรู้ด้านฟิสิกส์กำลังเป็นที่ต้องการในตลาดแรงงาน แถมประจวบเหมาะกับการมาถึงของสงครามโลกครั้งที่ 2 วิทยาการวิทยาศาสตร์ก็ยิ่งถูกคาดหวังว่าอาจจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยย่นระยะเวลาสงครามให้สั้นลง และก็เป็นตอนนั้นเองที่ออพเพนไฮเมอร์เข้ามามีบทบาทในเรื่อง แม้จริงๆ จะเป็นชาวเยอรมัน แต่ด้วยความที่ถือสัญชาติและอาศัยอยู่ในอเมริกามาโดยตลอด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ออพเพนไฮเมอร์ในบทบาทอาจารย์ฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ จะถูกชักชวนมาร่วมโปรเจ็กต์ลับที่ฝ่ายสัมพันธมิตรตั้งใจใช้โต้กลับกองทัพนาซีของฮิตเลอร์ โดยโปรเจ็กต์ดังกล่าวถูกเรียกว่า ‘Manhattan Project (โปรเจ็กต์แมนฮัตตัน)’ ภาพยนตร์ ขึ้นชื่อว่าเป็นผลงานจากผู้กำกับ CHRISTOPHER NOLAN ก็น่าจะเป็นการการันตีได้ถึงคุณภาพของตัวภาพยนตร์ ทั้งความละเมียดละไมในทุกๆ เฟรม ความยิ่งใหญ่ของงานสร้าง และความสมจริงสมจังของเรื่องราวที่เขาและทีมสร้างต้องการมอบให้กับผู้ชม จนเรียกได้ว่าเพียงแค่มีชื่อของเขาปะอยู่บนชื่อหนัง เราก็พร้อมตีตั๋วเข้าไปชมโดยไม่ลังเล เช่นเดียวกับผลงานล่าสุดอย่าง Oppenheimer ที่ก่อนภาพยนตร์จะออกฉาย เราก็ได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับเบื้องหลังงานสร้างที่ออกมากระตุ้นให้ผู้ชมตั้งตารออย่างไม่ขาดสาย ทั้งรายชื่อนักแสดงระดับเอลิสต์ที่ตบเท้ามาร่วมแสดงคับจอ เช่น Robert Downey Jr., Matt Damon, Emily Blunt, Kenneth Branagh, Jason Clarke, Florence Pugh ฯลฯ การเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ใช้ฟิล์ม IMAX ขาว-ดำในการถ่ายทำ, การจำลองฉากการทดสอบระเบิดปรมาณูลูกแรกในชื่อ Trinity Test โดยไม่ใช้ CGI (Computer Generated Imagery) ฯลฯ ก็ยิ่งเสริมให้ชื่อของ Oppenheimer กลายเป็นภาพยนตร์ที่น่าจับตามองมากที่สุดของปี 2023 (ควบคู่ไปกับ Barbie ภาพยนตร์ในการกำกับของ Greta Gerwig ที่เข้าฉายในวันเดียวกัน) ขณะเดียวกัน ประเด็นหนึ่งที่มีผู้ชมบางส่วนอาจกังวลเกี่ยวกับ Oppenheimer อยู่บ้างไม่มากก็น้อย เห็นจะเป็นกลวิธีนำเสนอที่อาจดู ‘เข้าถึงยาก’ เพราะ Oppenheimer ดูจะมีท่าทีที่ชวนให้เรานึกถึงผลงานก่อนหน้าของ Christopher Nolan อย่าง Memento (2000) กับกลวิธีนำเสนออันแยบยลด้วยการเล่าแบบหลังมาหน้า พร้อมสลับระหว่างภาพสีและขาว-ดำ หรือ Tenet (2020) ที่แม้ว่าภาพยนตร์จะมาในแนวแอ็กชันสายลับคู่หู แต่เนื้อหาภายในก็คอยประโคมทฤษฎีและศัพท์เทคนิคมากมายใส่ผู้ชมจนเกือบจะตามไม่ทัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสิ่งที่เรากล่าวไปข้างต้นอาจดูเป็นยาขมที่ไม่น่าลิ้มลอง แต่สำหรับผู้เขียนแล้ว Oppenheimer ก็ยังเป็นงานศิลปะชั้นเยี่ยมที่ชวนให้เราอยากติดตามอยู่ดี ทั้งชั้นเชิงการนำเสนอที่ชวนให้เราได้ลองปะติดปะต่อเรื่องราว (บางทีก็อาจเก็บรายละเอียดไม่ครบในการดูรอบเดียว) หรือบทสนทนาเชิงปรัชญาอันเฉียบคมที่เปิดพื้นที่ให้เราได้ลองตีความ รวมไปถึงงานสร้างสุดยิ่งใหญ่ที่จะมามอบประสบการณ์ชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์สุดพิเศษให้แก่ผู้ชมได้สัมผัสอย่างเต็มเปี่ยม (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงภาพยนตร์ IMAX) ไม่ว่าจะเป็นงานภาพสุดตื่นตาตื่นใจจากฝีมือของผู้กำกับภาพ Hoyte Van Hoytema ที่ฉายภาพความยิ่งใหญ่และอันตรายของระเบิดปรมาณูในฉาก Trinity Test ได้อย่างน่าสะพรึงกลัว บวกกับระบบเสียงของโรง IMAX ที่ช่วยเสริมให้เสียงระเบิดภายในเรื่องดังกึกก้องเสมือนว่าเราอยู่ในเหตุการณ์พร้อมกับตัวละคร จนทำให้เราเผลอยกมือขึ้นมาปิดหูเพราะกลัวเสียงระเบิดในเรื่อง (เราทำแบบนั้นจริงๆ ไม่ได้กล่าวเกินจริงแต่อย่างใด) ไปจนถึงดนตรีประกอบจากปลายปากกาของ Ludwig Göransson ที่ไม่ได้ทำหน้าที่บีบคั้นอารมณ์ของผู้ชมเท่านั้น แต่ยังช่วยขยายความให้เราได้สัมผัสกับความสับสนและกดดันที่ตัวละครกำลังเผชิญได้ชัดเจนมากขึ้น จนอาจกล่าวได้ว่า Christopher Nolan และทีมสร้างไม่ได้ประณีตกับทุกรายละเอียดเพื่อสร้างงานศิลปะชั้นเยี่ยมขึ้นมาชิ้นหนึ่งเท่านั้น แต่ผลงานของพวกเขายังช่วยขับเน้นให้ระบบของโรงภาพยนตร์ ทั้งภาพ เสียง บรรยากาศ ได้ทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มประสิทธิภาพไปพร้อมกันด้วย กำกับภาพยนตร์โดย CHRISTOPHER NOLAN ผู้กำกับมากความสามารถ กับผลงานขั้นมาสเตอร์พีค อย่าง intelstellar,Tenet,Inception นักแสดงนำ CILLIAN MURPHY J.ROBERT OPPENHEIMER FLORENCE PUGH JEAN TATLOCK ROBERT DOWNEY JR. LEWIS STRAUSS ดูเพิ่ม ติดต่อเรา สมัครสมาชิก Add LINE Friends via QR Code Open the Friends tab in your LINE app, tap the add friends icon in the top right, select "QR code," and then scan this QR code. * Learn more about LINE * Download now © All Rights Reserved. Design by Free Html Templates