trachoo.com
Open in
urlscan Pro
208.113.152.186
Public Scan
Submitted URL: http://trachoo.com/
Effective URL: https://trachoo.com/
Submission: On March 06 via api from US — Scanned from DE
Effective URL: https://trachoo.com/
Submission: On March 06 via api from US — Scanned from DE
Form analysis
1 forms found in the DOM<form id="filter-form" role="search">
<div class="filter-ui-input"><input placeholder="Search for services" data-type="search" id="filter-form-input-text"></div>
</form>
Text Content
Trachoo.com เรื่องน่ารู้ ที่น่าคิด NICE-TO-KNOW-&-WORTH-TO-THINK BLOG Skip to content * เกิดอยากเล่า * ผมเอง * สารบัญค้นง่าย « Older posts ห้องประชุมให้เช่า รามอินทรา เกษตร-นวมินทร์ เอกมัย-รามอินทรา By Trachoo Kanchanasatitya | Published: December 4, 2022 มองหาห้องประชุมอยู่หรือเปล่าครับ จุดเด่นห้องประชุมของเรา 1. จอดรถหน้าห้องประชุมได้เลย 2. มีอาหาร และ เครื่องดื่มบริการ 3. ไม่ต้องเดินขึ้นบันได 4. ห้องน้ำไม่ไกล อยู่ใกล้ทางด่วน เอกมัยรามอินทรา เข้าออกได้หลายทางรับรองได้ 20 ท่าน มีจอมอนิเตอร์ นำเสนองานสดวก WiFi แรง อยู่ในซอยโยธินพัฒนา 3 สนใจติดต่อ 0815811956 ครับ โลเคชั่น https://goo.gl/maps/kWvQmvJsyWk572bw9 +4ห จอดรถหน้าห้อง สดวก สบาย เป็นส่วนตัวจากสายตา LIKE THIS: Like Loading... การล้าง EGR คืออะไร เพื่ออะไร By Trachoo Kanchanasatitya | Published: July 8, 2019 คำแนะนำสำคัญสำหรับผู้ที่ใช้รถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลครับ ระบบท่อร่วมไอดีไอเสีย ที่เห็นเป็นวงสีส้มๆคือบริเวณที่จะมีการสะสมของเขม่าทำให้เครื่องเดินไม่สดวก เครื่องยนต์ดีเซล เป็นเครื่องยนต์ที่ปล่อย CO2 ออกสู่บรรยากาศน้อยกว่าเมื่อเทียบกับรถยนต์เบนซิน กิโลเมตรต่อกิโลเมตร เพราะ 1 กิโลเมตรจะใช้น้ำมันดีเซลน้อยกว่าน้ำมันเบนซิน และเพราะ เครื่องยนต์ดีเซลจะให้พลังออก มามากกว่าเบนซินจากระบบการเผาไหม้ที่แตกต่าง แต่ เครื่องยนต์ดีเซลจะมีข้อเสียคือ ปล่อยก๊าซไนโตรเจนอ๊อกไซด์ NOx และ เขม่า (Soot) ดำออกสู่บรรยากาศ ผู้ผลิตจึงออกแบบเครื่องยนต์ดีเซลให้ลดการปล่อย NOx และ Soot ออกมาให้น้อยลง ด้วยการออกแบบให้ใช้ระบบคอมมอนเรลล์ หรือ ระบบท่อร่วม เพื่อให้ดึงเอา ไอเสียกลับไปเข้ากระบวนการเผาไหม้ในลูกสูบ เพราะ มันจะทำให้อุณหภูมิในห้องเผาไหม้ลดลงทำให้เกิด NOx น้อยลง และ ปล่อย Soot ออกมาน้อยลงด้วย และ เพื่อให้ Soot ออกมาน้อยลงไปก็ออกแบบให้มีคัวดักเขม่าในระบบท่อไอเสียอีกด้วย แต่จะเกิดภาระอย่างนึงที่ผู้ใช้รถยนต์ดีเซลต้องดูแลคือ การล้างท่อร่วมไอดี เพราะ เขม่าจากไอเสียจะไปสะสมในระบบผ่านท่อร่วมไอดี (คอมมอนเรลล์) ทำให้อากาศในการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ รถวิ่งไม่ออก และ อาจก่อให้เกิดปัญหาตามมามากมายค่าซ่อมมหาศาล รถยนต์จะปล่อยควันดำ ไม่ดีต่อบรรยากาศโลกและภาพพจน์ของผู้ขับ ทุก 50,000 กม. ผู้ที่ใช้รถยนต์ดีเซล จึงควรต้องนำรถไปทำการล้างท่อร่วมไอดี ค่าใช้จ่ายครั้งละประมาณ 5000 บาท คือ ทุก 100 กิโลเมตรมีค่าใช้จ่ายเก็บหยอดกระปุกไว้ 10 บาท หากใช้ไป 100000 กม แล้วไปล้าง รถจะวิ่งฉิวเหมือนตอนซื้อมาใหม่ๆเลยครับ สมมติว่า รถยนต์ดีเซลใช้น้ำมันดีเซล กินน้ำมัน 15 กม/ลิตร แปลว่า ในระยะ 50,000 กม. เราจะใช้น้ำมันไป 3,333 ลิตร ถ้าเอาค่าล้างคิดต่อลิตร ก็จะประมาณ 1.50 บาท ต่อน้ำมันดีเซลหนึ่งลิตร ถ้าน้ำมันลิตรละ 30 บาท ก็ถือเสียว่าเป็นลิตรละ 31.50 บาท 31.50 บาทวิ่งไป 15 กิโลเมตร ก็นับว่าประหยัดกว่าเบนซินมากมาย (ตัวเลขสมมติเพื่อความเข้าใจง่าย) ปัจจุบันรถยนต์ทั้งญี่ปุ่นและยุโรปในไทยก็มีเครื่องยนต์แบบดีเซลให้เลือกใช้ และ ต้องดูแลด้วยการล้างระบบท่อร่วมไอดี บางคนไม่เคยล้างเลย ใช้ไป 1 แสนกิโลเมตร หรือ มากกว่านั้น เกิดความเสียหายค่าซ่อมหลักครึ่งแสนต้องขายรถทิ้งกัน เรื่องนี้หลายๆท่านยังไม่ทราบ ผมจึงขอนำมาเล่าให้ทราบครับ LIKE THIS: Like Loading... UMAMI ( อูมามิ ) คืออะไร รสชาติที่ 5 ที่นักวิทยาศาสตร์ยอมรับเป็นภาษาวิชาการแล้ว By Trachoo Kanchanasatitya | Published: August 24, 2018 Tuna Sushi ของร้าน Sushi Kappou Kitaohji ที่รอให้ระดับของเอนไซน์ที่สร้างจมีระดับสูงสุดเพื่อความอร่อยสูงสุด Umami (อูมามิ) คือ รสชาติที่ 5 ที่นักวิทยาศาสตร์เพิ่งจะให้การยอมรับ เดิมทีนักวิทยาศาสตร์สรุปไว้ว่า คนเรามีต่อมรับรสชาติอยู่ 4 รสคือ หวาน เปรี้ยว เค็ม และ ขม และเข้าใจผิดๆว่าต่อมลิ้นแบ่งพื้นที่กันรับรส ต่อมาเมื่อสัก 100 ปีก่อนนักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นค้นพบว่า มันมีอีกรสชาตินึงเค้าเรียกรสชาตินั้นว่า “อูมามิ” แต่นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกยังไม่ยอมรับว่ามันมีรสชาตินั้น และเพิ่งปี 1985 ที่นักวิทยาศาสตร์ยอมรับว่า “อุมามิ” เป็นรสชาตินึงและเป็นชื่อภาษาทางวิทยาศาสตร์ไปเลย (ภาษาญี่ปุ่นเสียอีก) เพราะ นักวิทยาศาสตร์พบว่า ลิ้นของคนเราและสัตว์บางชนิด มีต่อมรับรส “อูมามิ” โดยเฉพาะเลย รส”อูมามิ” ทำให้เรารู้สึกความอร่อยของอาหารเพิ่มขึ้น รสชาติ “อูมามิ” เกิดจากสารสองตัว(ขอข้ามไปเพื่อให้เข้าใจง่ายๆ) มาทำงานร่วมกัน สารที่ว่าเนี่ย มีอยู่ใน น้ำปลา ชีส สาหร่าย เห็ด ปลา เนื้อ มะเขือเทศสุก ซีอิ๊ว สาหร่ายเป็นอาหารที่มีสารที่สร้างความอูมามิได้เป็นอย่างดี ดังที่ค้นพบโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นในปี 1908 จนเป็นที่มาของคำว่า Umami ที่โลกยอมรับในที่สุด การที่คนไทยนำน้ำปลามาใส่อาหารแล้วอร่อย ไม่ได้เพราะว่า ความเค็มแต่เพราะความมีรสชาติของ อูมามิ ในน้ำปลา ก็เลยกลายเป็นเหตุให้ฝรั่งหันมาให้ความสนใจน้ำปลากันมาก #ถ้าอยากลองชิมรสชาติอุมามิแบบง่ายๆ ลองไปหามะเขือเทศสุกสีแดงลูกใหญ่หน่อย แล้ว ฝานจิ้มกับน้ำปลา สารสองตัวจากทั้งสองอย่างจะบวกกันจนเกิดรส”อูมามิ” ในปาก อาหารญี่ปุ่นที่นิยมทานปลาดิบกับซอสโชยุ ก็ด้วยหลักการเดียวกัน ปลาที่สดที่ตายทันทีจะ”ไม่มี”สารที่กระตุ้นรส “อูมามิ” สารตัวที่ว่านั้นจะค่อยๆเกิดขึ้นทีละน้อยๆและไปสูงสุด แล้ว สารตัวนั้นก็จะค่อยๆลดลง (สารที่ว่าชื่อ inosinic acid หรือ inosine monophosphate IMP ใส่เสียหน่อย) ถ้าลดลงจนเกือบหมด ปลาก็จะไม่อร่อยแบบ “อูมามิ” แล้ว ดังนั้นการทานปลาดิบที่อร่อยคือ การทานตอนที่สาร IMP กำลังอยู่ในระดับสูงเพื่อให้มันไปทำงานร่วมกับสารอีกตัวนึง L-Glutamate ในซีอิ๊วโชยุ แถมปลาแต่ละชนิดก็สร้างสาร IMP ด้วยระยะเวลาที่แตกต่างกัน ดังนั้น Logistics ของการจับปลาและส่งปลา และนำปลามาที่ร้านอาหารชั้นเลิศของญี่ปุ่นจะต้องวางแผนเรื่องของเวลา #เพื่อให้ปลาที่อยู่ที่ร้านมีสาร IMP ระดับสูงพอดี เค้าแย่งกันตรงนี้ นี่คือสาเหตุที่ร้าน Sushi Kappou Kitaohji (สาขาจากประเทศญี่ปุ่น) จึงต้องมีเรือหาปลาเป็นของตัวเอง และมีอำนาจต่อรองในตลาดปลา Tsukiji สูง เพื่อการบริหาร Logistics เพื่อนำระดับความอร่อยสูงสุดของปลา มาบริการลูกค้าให้เหนือกว่าคู่แข่งนั่นเองครับ Counter ของ Sushi Kappou Kitaohji Omakase ที่จะได้ชมการทำอาหารอย่างใกล้ชิด LIKE THIS: Like Loading... OMAKASE คืออะไร รีวิวความอร่อยร้าน KITAOHJI ตำนานพรีเมี่ยม 70 ปีจากญี่ปุ่นสู่กรุงเทพ By Trachoo Kanchanasatitya | Published: August 18, 2018 Omakase คืออะไร ถ้าพูดถึงคำว่า Omakase ที่เป็นกระแสที่เกิดขึ้นในแวดวงนักชิมชาวไทยที่สรรหาความอร่อยจากคุณภาพระดับสูงของประเทศญี่ปุ่น หลายคนก็จะทราบว่า Omakase คือรูปแบบการดื่มด่ำกับอาหารญี่ปุ่นแบบซูชิที่เรานักชิม จะวางใจให้พ่อครัวให้ปรุงอาหารขึ้นมาตามแนวคิดของพ่อครัวเอง เรามีหน้าที่ที่จะใช้ประสาทรับรสและกลิ่นเพื่อดื่มด่ำกับความอร่อยที่พ่อครัวจะทยอยส่งมากระตุ้นการทำงานของลิ้นของเราให้ค่อยๆไหลตามอย่างมีขั้นตอน Chef จะนำวัตถุดิบที่จะใช้ในการทำ Omakase มาให้เราดูว่าจะใช้อะไรบ้างในมื้อนี้ ประสบการณ์การรับการดูแลชั้นเลิศ ด้วยอาหารแบบ Omakase จากร้านระดับตำนาน 70 ปีจากญี่ปุ่น ที่ร้าน Sushi Kappou Kitaohji ซอยสุขุมวิท 39 นั้น ที่พูดว่าได้รับการดูแลชั้นเลิศ เพราะว่า ผมไม่ได้สั่งเมนูชนิดใดเลย แต่ Chef จะทำอาหารแต่ละชนิดและเสิร์ฟด้วยตัวเองแต่ละอย่าง ทีละอย่าง ด้วยการจัดลำดับการเสิร์ฟอย่างมีแบบแผน รีวิว Omakase in Bangkok Omakase เมนูแรก แบบแผนอะไร? แบบแผนที่ว่านั้น หากเทียบกับการดูหนัง เราจะถูกชวนให้ติดตามเรื่องราวของหนังทีละฉากอย่างมีลำดับเพื่อสร้างอารมณ์ในภาพรวมในตอนจบของหนัง ด้วยการสร้างฉากแต่ละตอนอย่างละเอียดอ่อน เช่นเดียวกัน Chef จะชวนให้ลิ้นและต่อมรับรสในปากค่อยๆสร้างความสุขด้วยอาหารแต่ละอย่าง อย่างมีแบบแผนที่ละเอียดอ่อนอันเกิดจากความเข้าใจของวัตถุดิบแต่ละชนิด ให้ไปสร้างฉากหนังในปากเราอย่างมีดีไซน์ หลักการที่นิยมในการเสิรฟ Omakase คือ เริ่มจากอาหารที่มีรสเบาไปสู่รสเข้มข้น เมนูนี้เป็นปลาที่มีเนื้อขาว Chef จะเล่าถึงวัตถุดิบหลักของอาหาร และผมก็เล่าต่อให้ลูกฟัง เช่น เมนูนึงทำจากปลาที่จับจากทะเลแถบนางาซากิ ซึ่งตอนนี้น้ำในทะเลจะอุ่นเพราะเป็นหน้าร้อน ปลาจะไขมันต่ำทำให้ได้รับความเหนียวหยุ่นของเนื้อปลา และเมนูถัดมาที่มีรสจัดขึ้น เพราะเป็นปลาไหลจากฮอกไกโดที่น้ำยังเย็นอยู่ ความอร่อยจากเมนูนี้เกิดจากความมันของปลาที่ผสมกับข้าวปั้นซูชิที่มีน้ำส้มสายชูผสมอยู่ ความมันของปลารวมตัวกับรสเปรี้ยวอ่อนๆที่ตัดกับความหอมของข้าว มันช่างอร่อยจริงๆ เนื้อปลาทูน่าที่มีไขมันน้อยแต่มีความเหนียวนุ่มเป็นเมนูถัดมา ผมเข้าใจถึงคำว่า “ละลายในปาก” จากการมาทานครั้งนี้ อาหารที่เข้าไปในปาก เช่นเนื้อปลาจะแตกตัวและมีสารโปรตีนและไขมันละลายออกมารวมกับโปรตีนอีกชนิดนึงจากแผ่นสาหร่าย ทำให้เกิดรสชาติใหม่ในปากด้วยการทำงานร่วมกับน้ำลายในปากของเรา การละลายในปากจึงไม่ใช่วัดความดีของวัตถุดิบแต่ เป็นการหลอมรวมรสชาติให้อร่อยโดยแทบไม่ทันจะเคี้ยวเลย มันเป็นศาสตร์ที่คนญี่ปุ่นใช้ในการสร้างตำรับอาหารแบบญี่ปุ่น ที่เราอาจมองว่ามันจืดๆ แต่ ที่จริงแล้วมีความลึกซึ้งมาก Otoro เป็นเมนูถัดมาของ Omakase วันนี้ เป็นเนื้อส่วนท้องของ Tuna ที่มีความมันมากที่สุดของ Tuna ความมันของปลาจะละลายออกมาผสมกับข้าวซูชิและเนื้อปลาส่วนที่ไขมันแทรกอยู่น้อย ได้รับความเหนียวจากเนื้อปลา ความหอมจากไขมันและ ความหวานเปรี้ยวจากข้าวซูชิ ตลบอบอวลไปทั้งปาก ที่สำคัญวัตถุดิบแต่ละชนิด ที่นำมาปรุงผ่านการคัดมาอย่างดี ปลาชนิดเดียวกันบางเดือนก็ไม่อร่อย แต่ บางเดือนเป็นช่วงวางไข่จะมีไขมันสะสมอยู่ทำให้อร่อยกว่าปรกติ บางปลาอร่อยในหน้าไต้ฝุ่นเพราะ ต้องว่ายสู้คลื่นลมทำให้เนื้อข้างครีบเหนียวอร่อย Uni หรือ ไข่หอยเม่น ในภาพจะเห็นเป็นสองสี เพราะมาจากคนละแหล่งกัน จะมีความมันต่างกันเพราะปริมาณไขมันที่ละลายอยู่ต่างกัน ชิ้นนึงมาจากฮอกไกโด อีกชิ้นนึงมาจากทางใต้ของญี่ปุ่น อุณหภูมิของน้ำที่ต่างกัน ทำให้ไข่หอยเม่นมีรสชาติต่างกันจริงๆ ร้านนำมาเทียบกันในเมนูเดียวให้ได้รับประสบการณ์นี้ ร้านก็ถูกออกแบบให้เรามีสมาธิกับการรับรสอย่างเต็มที่ ด้วยการนั่งดู Chef ใช้มีดสารพัดแบบอย่างชำนาญ (อยากเล่าเรื่องมีดญี่ปุ่น ขอเป็นครั้งหน้าครับ) ข้างหลังของเราจะเป็นฉากไม้ ลดแสงเพื่อให้เรารู้สึกว่า ข้างหลังไม่มีอะไรต้องใส่ใจ จึงให้สมาธิกับด้านหน้าอย่างเต็มที่ Sushi Kitaohji Kappou จากประเทศญี่ปุ่นมีเรือหาปลาของตัวเองเพื่อคัดปลาที่ดีที่สุดมาบริการ เมนูนี้ไม่ใช่ Sushi เพราะ ร้าน Sushi Kappou Kitaohji เป็น Omakase แนว Kappou คือมีการเสริฟอาหารอื่นนอกเหนือจาก Sushi เพื่อสร้างประสบการณ์ความอร่อยเพิ่มเติมจาก Sushi ซึ่งกำลังเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมในญี่ปุ่นขณะนี้ แล้วการมีเรือหาปลาของตัวเองดีอย่างไร เป็นที่ทราบกันว่า รสชาติที่ 5 ของมนุษย์ที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบนั้นก็คือ รส อูมามิ เพิ่มขึ้นมาจากรส หวาน เปรี้ยว ขม และ เค็ม และ รสอูมามินั้นจะสามารถได้รับจากปลา ที่เอนไซมน์ในตัวปลาจะเปลี่ยนสารบางอย่างให้กลายเป็นรสอูมามิ หลังจากที่ปลานั้นตาย ปลาแต่ละชนิดจะมีระดับของความอูมามิที่จุดสูงสุดในเวลาต่างกัน ความอร่อยของปลาจึงขึ้นกับการได้ปลามาก่อนที่รสอูมามินั้นจะลดลงไป ดังนั้นการที่ Sushi Kappou Kitaohji มีเรือเป็นของตัวเองจึงสามารถบริหารให้เวลาการส่งปลาอยู่ในระยะที่ความอูมามิยังไม่ผ่านจุดสูงสุดนั่นเอง เมนูนี้ ต้องทานทุกอย่างให้อยู่ในคำเดียวกัน หนังปลาที่ใช้ไฟความร้อนสูงเผาไหม้ในระยะเวลาสั้นๆจะทำให้ไขมันที่แทรกอยู่ระหว่างหนังและเนื้อปลาแตกตัว น้ำในหนังปลาจะระเหยออกไปอย่างรวดเร็วทำให้ไขมันเข้าไปแทรกตัวอยู่ เมื่อทานทุกอย่างพร้อมๆกัน จะได้รับรสชาติที่สมดุลของ หนังปลา ความมัน ความหอมของเนื้อปลาและกลิ่นทะเลจากสาหร่าย (ถ้าคำเดียวไม่หมด ก็แบ่งเป็นสองคำก็ได้ครับ) Awabi หรือ หอยเป๋าฮื้อ หรือ Abalone ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นอาหารประจำฤดูร้อนของญี่ปุ่นเลย ถือว่าเป็น King ของ Shellfish ที่ร้านก็นำมาเสริฟเป็นหนึ่งในเมนู Omakase Sushi ห้ามพลาดเด็ดขาด Sushi กุ้งเป็นอีกเมนูนึงที่เป็นอาหารประจำฤดูร้อนของชาวญี่ปุ่น ปลาไหลจากฮอกไกโด ที่ได้รับการทาเครื่องปรุงมาแล้ว เป็น Sushi รสเข้ม มีความมันของปลาไหลผสมกับเครื่องปรุงอย่างกลมกลืน โดยไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่มอีกเลย ปลา Aji หรือ Horse Mackerel เป็นปลาที่มีความมัน อยู่ในกลุ่มของปลาผิวมันวาว (สังเกตุจากภาพทางขวา) เป็นปลาที่จับได้ทั้งปีของญี่ปุ่น แต่ มีความยากในการทำให้อร่อย คนทำต้องมีความชำนาญสูงมาก มักจะถูกวางตำแหน่งไว้รั้งท้ายของ Omakase ซุปมิโสะร้อนๆ ก่อนปิดเมนูด้วยของหวาน ของหวานที่ล้างปากให้อิ่มอร่อย และ ชื่นใจ ความอร่อยมื้อนี้เกิดจาก ความชำนาญของ Chef ที่ต้องผ่านการฝึกฝนมาอย่างเป็นเวลายาวนาน และ วัตถุดิบที่มีคุณภาพด้วยความสามารถในการจัดหาปลาของ Kitaohji ด้วยประสบการณ์ 70 ปี จึงทำให้ Omakase Course นี้สมบูรณ์และสมคุณค่าราคาเป็นอย่างยิ่ง OMAKASE ในกรุงเทพ LIKE THIS: Like Loading... THE GATE HOTEL ASAKUSA KAMINARIMON โรงแรมสำหรับการดื่มด่ำบรรยากาศมุมคลาสสิคของโตเกียว By Trachoo Kanchanasatitya | Published: November 12, 2017 การเลือกที่พักที่โตเกียว หากเลือกดีๆจะเป็นการเพิ่มประสบการณ์ในการซึมซับสิ่งที่เราชื่นชอบที่โตเกียวได้เป็นอย่างดี บางคนชอบช็อปปิ้ง บางคนชอบดูความเจริญ บางคนชอบที่พักที่เดินทางสดวก โตเกียวเป็นเมื่องที่เจริญมากทางเทคโนโลยี่ ที่พักแถบ Shinjuku Harajuku Ginza Ropponggi ก็ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี โตเกียวที่กว้างใหญ่ มีโรงแรมให้เลือกมากมาย หลากหลายอารมณ์ แต่ หากท่านที่ชื่นชอบการเที่ยวโตเกียวแบบ เก็บความรู้สึกคลาสสิคแบบ Traditional ก็จะมีไม่กี่ที่ที่จะให้ความรู้สึกเช่นนั้น ย่าน Asakusa เป็นย่านที่ยังคงรักษาความเก่าแก่อันมีที่มาที่ยังรักษาความสมดุลย์ของสองอารมณ์ไว้ได้อย่างดี คำว่า Asakusa ถึงกับมี 3 ตำนานของที่มาของชื่อ บ้างก็บอกว่าแปลว่า การข้ามมหาสมุทร บ้างก็บอกว่าเป็นที่สถิตแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ตำนานที่ได้รับการเชื่อถือคือ เป็นแหล่งที่มีหญ้าไม่ยาว (Short Grass) อีกทั้งการเป็นที่ตั้งของวัดโบราณ Senso-ji ที่หลายคนต้องไปถ่ายภาพยิ่งทำให้ย่านนี้มีความขลังเพิ่มขึ้น และตอกย้ำด้วยการอยู่ใกล้แม่น้ำสุมิดะ แม่น้ำที่มีความผูกพันกับชาวโตเกียวมานาน ยิ่งทำให้ย่านนี้เป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่ชอบอารมณ์คลาสสิคเข้าไปอีก แน่นอน ย่าน Asakusa ถือเป็นย่านหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์อันยาวนานของญี่ปุ่นมาตั้งแต่ยุค Kamakura เลยทีเดียว แม่น้ำสุมิดะกับเรือที่รอชมเทศกาลดอกไม้ไฟประจำปีที่จะจุดกันเป็นประจำที่ย่าน Asakusa ภาพเรือชมพลุในแม่น้ำสุมิดะในย่าน Asakusa ภาพพลุที่แสดงในแม่น้ำสุมิดะย่าน Asakusa โรงแรม The Gate Asakusa Kaminarimon คือ โรงแรมที่ผมอยากแนะนำในครั้งนี้สำหรับผู้ที่ต้องการความรู้สึกของความคลาสสิคจากองค์ประกอบต่างๆในพื้นที่ย่าน Asakusa ความพิเศษของโรงแรม The Gate Asakusa Kaminarimon คือ การออกแบบให้ซ่อนตัวอยู่ในย่าน Asakusa อย่างกลมกลืน แม้โรงแรมจะได้รับการออกแบบอย่างทันสมัย แต่ผู้ออกแบบคือ Shigeru Uchida นักออกแบบชื่อเสียงดังของญี่ปุ่น ก็ออกแบบให้ไม่โดดออกมาจากย่านที่คลาสสิค แต่ ภายในกลับสะท้อนความ Contemporary ให้สามารถรื่นรมย์กับบรรยากาศแบบ Traditional ของญี่ปุ่นได้อย่างกลมกลืน ทางเข้าโรงแรม The Gate กลมกลืนไปกับบรรยากาศจนอาจทำให้ผู้มาพัก เดินผ่านไปโดยไม่ทันสังเกตุว่า เป็นโรงแรมแบบ Contemporary ได้เลย สาเหตุที่โรงแรมแห่งนี้ชื่อว่า The Gate ก็เพราะว่าเป็นโรงแรมที่อยู่ตรงข้ามกับ Gate ทางเข้าวัด Senso-ji ด้านที่เราชอบไปถ่ายกับโคมไฟใหญ่ๆกันนั่นเอง พอใช้ชื่อแบบนี้ ก็จำง่าย บอกแท็กซี่ให้มาก็ง่ายครับ ลิฟท์หน้าบริเวณ Lobby ที่ออกแบบให้ผู้มาเข้าพักจะต้องประทับใจ ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดออกเพราะ วิวที่รับสายตา วิวที่ต้อนรับผู้มาเยือน ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก บางทีสิ่งแรกที่ผู้มาพักจะทำก่อนการเช็คอินกับพนักงานต้อนรับที่ยิ้มรอพวกเราอยู่ก็คือ การตื่นเต้นที่จะได้ถ่ายภาพมุมสูงมองลงไปยังวิวของวัด Senso-ji และ Sky Tree การอออกแบบไฟบนเพดานที่ทำให้เหมือนเรากำลังมองลงไปยังเมืองข้างล่างโดยมีแสงระยิบระยับของดาวอยู่ข้างบน เพิ่มความรู้สึกหลุดออกมาจากโลกที่วุ่นวายได้เป็นอย่างดี แล้วเราก็ต้องทำการเช็คอินกับพนักงานในเคาน์เตอร์ที่เรียบง่าย แต่ใส่ใจไม่ให้เราต้องวางกระเป๋าสะพายกับพื้นด้วยการมีโต๊ะเตี้ยๆไว้วางของได้สดวกและสะอาด ถัดไปจาก Lobby เราอาจจะถูกใจกับบาร์เครื่องดื่มจนยังไม่อยากเดินขึ้นไปยังห้องพักด้วยซ้ำ คงถึงเวลาเสียที ที่จะต้องนำกระเป๋าขึ้นไปไว้บนห้อง ที่ The Gate Asakusa Kaminarimon ผู้ออกแบบก็ไม่ลืมที่จะออกแบบให้ผู้มาพักสามารถชื่นชมกับบรรยากาศรอบๆโรงแรมจากในห้องได้อย่างสดวกสบาย พื้นที่โต๊ะสำหรับนั่งทำงานเล็กๆน้อยๆ ที่นอนแสนสบาย สำหรับผู้ที่ชื่นชอบรสชาติของกาแฟโปรด ก็สามารถนำ Nespresso ที่โปรดปรานมาใช้กับเครื่องของโรงแรมได้เลย ขณะอาบน้ำ ก็ยังสามารถที่จะชื่นชมกับบรรยากาศรอบๆโรงแรมย่าน Asakusa ได้เป็นอย่างดี เมื่อเช็คอินแล้ว เก็บกระเป๋าแล้ว ทำความสดชื่นให้กับตัวเองแล้วก็ถึงเวลาออกไปเที่ยวข้างนอก จะเดินเที่ยวย่าน Asakusa หรือเมื่อวันไหนอยากจะไปรื่นรมย์กับความสนุกสนาน ความทันสมัย ชีวิตผู้คนที่กระฉับกระเฉง ก็สามารถเดินจากโรงแรมไปเพียง 3 นาทีก็จะถึงสถานี Asakusa ทีจะมีรถไฟใต้ดินสาย Ginza Line ที่จะพาเราเข้าสู่จุดต่างๆในโตเกียวเช่น Ginza Shimbashi Ueno Shibuya ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเหนื่อยกลับมาแล้ว ก่อนเข้านอน อาจจะพักผ่อนอีกสักนิด บรรยากาศยามค่ำคืนของ The Gate Asakusa ชั้นบนสุด เป็นพื้นที่ Open Air สำหรับนั่งดื่ม คิดแบบเงียบๆ มีบรรยากาศของ Skytree เป็นวิวให้บรรยากาศที่เงียบแต่ไม่เหงาได้เป็นอย่างดี เมื่อตื่นมาตอนเช้า ก็คงถึงเวลาที่เราจะต้องเตรียมตัวเพิ่มพลังงานเพื่อการเดินทางท่องเที่ยวโตเกียวกันต่อไป ไปดูอาหารเช้ากันครับว่า The Gate Asakusa Kaminarimon จะเตรียมอะไรไว้ให้เราบ้าง บรรยากาศของไลน์อาหารเช้า ผู้ออกแบบก็เน้นให้ผู้เข้าพัก ดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบๆของ Asakusa ตลอดเวลา อาหารเช้าที่สดใหม่น่าอร่อยเป็นที่สุด พิเศษมากๆกับ น้ำผึ้งสดแบบที่หาทานยาเหลือเกิน เป็นอาหารแบบโบราณทานจากรังผึ้งที่ มาถึง The Gate Asakusa Kaminarimon แล้ว ห้ามพลาดเด็ดขาด น้ำผึ้งและเนย เยิ้มน่าทานมาก แดดอุ่นๆ วิว Asakusa กับอาหารเช้า กาแฟหอมกรุ่น แค่ตื่นมาทานอาหารเช้า ก็เหมือนได้ท่องเที่ยวแล้ว เขียนมาถึงจุดนี้ ผมชักอยากกลับไปที่โตเกียวอีกแล้ว บรรยากาศที่หลากหลาย เมืองที่มีสิ่งที่ทุกๆคนจะต้องมีสองสามอย่างที่เป็นที่ชื่นชอบของชีวิต เมืองที่ใครๆมาแล้วก็อยากจะมาอีก และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความ Contemporary ที่ซ่อนตัวอยู่กับบรรยากาศแบบ Traditional ของโตเกียว ผมก็อยากแนะนำโรงแรมแห่งนี้ The Gate Asakusa Kaminarimon แห่งนี้ไว้พิจารณาเป็นทางเลือกสักทางนะครับ LIKE THIS: Like Loading... KARAKORAM HIGHWAY กับยุทธศาสตร์ของจีน By Trachoo Kanchanasatitya | Published: September 7, 2017 April 27, 2015 · ข่าวที่น่าจับตามมองที่สุดข่าวนึงเลยครับ เมื่อไม่กี่วันก่อนประธานาธิบดีของจีนได้ไปเยือนเพื่อกระชับความสัมพันธ์กับประเทศ “ปากีสถาน” ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาเกือบ 60 ปีแล้ว ความสัมพันธ์เริ่มเมื่อปี 1959 จีนเข้าไปร่วมสร้างถนนชื่อ Karakoram Highway ความยาวนับพันกิโลเมตร ตอนนั้นเองจีนก็เพิ่งเป็นคอมมิวนิสต์มาเพียง 9 ปี และก็จนแสนจน แต่ก็มีใจไปช่วยปากีสถานสร้างถนนสายนี้ที่สร้างยากเพราะอยู่บนภูเขาสูง คนงานของจีนตายหลายร้อยคนเลย ปากีสถานก็รักจีนมาก ถึงขั้นกล่าวในพิธีต้อนรับประธานาธิบดีของจีนว่า “มิตรภาพจีน-ปากีสถานนั้น สูงยิ่งกว่าภูเขาหิมาลัย ลึกยิ่งกว่ามหาสมุทร หวานเสียยิ่งกว่าน้ำผึ้ง” (อื้อหือ เลี่ยนจริงๆ ผมไม่ได้เขียนเองนะครับ เค้าว่ากันแบบนี้จริงๆ) วันนี้ปากีสถานยังจนอยู่มาก แต่ เพื่อนรักอย่างจีนก็รวยจนแทบจะทะลุฟ้าอยู่แล้ว วันนี้เพื่อนรักกลับมาพบกันใหม่อีกครั้งนึงหลังจากห่างหายกันไปนานแสนนาน จีนมาพร้อมกับวงเงินช่วยเหลือประเทศปากีสถาน 4.6 หมื่นล้านดอลล่าร์ หรือ 1.38 ล้านล้านบาท ปากีสถานก็แสนดีใจถ้าจีนไปขอน้องจริงๆ เอ๊ยไม่ใช่ครับ เงินก้อนนี้ไม่เกี่ยวกับการทหารอะไรเลย เอามาพัฒนาประเทศปากีสถานล้วนๆ เมื่อเทียบกับเงินที่ปากีสถานเคยได้มาจาก เพื่อนรัก(หักเหลี่ยมโหด)อย่างอเมริกาที่ให้เงินมากว่า 70% เพื่อเป็นอาวุธและเอาปากีสถานเป็นฐานทัพไปถล่มอัฟกานิสถาน นอกจากอเมริกาจะให้มาน้อยกว่าแล้ว ประชาชนเองก็แทบจะไม่ได้อะไรเลยจากการที่อเมริกาเอาเงินมาให้ เพื่อนซี้อย่างจีนก็ดูจะใจดีกว่ามาก อันที่จริงแล้วจีนคงจะมองการณ์ไกลมากว่าวันนึง ภาคตะวันตกของตนจะยากจนมาก เพราะไม่มีทางออกทะเล เลยคบค้าสมาคมกับเพื่อนด้านที่มีทางออกทะเลทางด้านตะวันตกไว้ จีนคุยกับปากีสถานครั้งนี้เพื่อที่จะขยายถนนเส้นที่ผมวาดไว้ในแผนที่ที่จะไปออกทะเลของปากีสถาน ตรงนั้นจะเป็นเสมือน”ฮ่องกง”เลยทีเดียว เรื่องนี้จะมีผลต่อสภาวะทางการเมือง เศรษฐกิจ และการค้าในย่านนี้มากๆเพราะ 1. จีนสามารถแผ่อิทธิพลเข้าไปใกล้แหล่งน้ำมันของโลกคือ ตะวันออกกลางเข้าไปทุกที 2. เส้นทางขนส่งน้ำมันไม่ต้องผ่านช่องแคบมะละกา ไม่ต้องผ่านโซนที่ญี่ปุ่น น้องชายคนเล็กของอเมริกาคุมเส้นทางอยู่ 3. ดินแดนด้านตะวันตกของจีนที่วันนี้ยังจนมากเพราะไม่มีใครอยากไปตั้งโรงงานเพราะไม่ติดทะเลก็จะ ลืมตาอ้าปากได้ เพราะถนนเส้นนี้นำออกสู่ทะเล 4. จีนจะสามารถขยายตัวไปทำการค้าขายกับย่านนี้ได้อีกมากมาย โรงงานทางภาคตะวันตกจะมีตลาดส่งออกที่มีกำลังซื้อคือ ตะวันออกกลาง ในอีก 20 ปีข้างหน้า จีนจะยังคงเติบโตไม่หยุดยั้ง การส่งออกของถูกจะไม่ใช่หนทางรวยของจีนอีกต่อไป ความเจริญจะขยายไปทางตะวันตกของประเทศ ความต้องการน้ำมันจำนวนมากจะถูกส่งเข้าไปทางปากีสถาน แล้วต่อท่อหรือขนด้วยรถที่เร็วกว่าอ้อมเรือผ่านสิงคโปร์ เวียตนาม ผ่านญี่ปุ่นอีกมากมาย ไม่นับอิทธิพลที่จีนกำลังโอบล้อมประชาชนทั้งเอเชียไว้เกือบหมดแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ผมหวังว่าผมจะมีชีวิตรอดูความเปลี่ยนแปลงที่น่าตื่นเต้นอันนี้ครับ LIKE THIS: Like Loading... เทคนิคการบริการลูกค้าในร้านอาหาร แชร์ประสบการณ์ตรง By Trachoo Kanchanasatitya | Published: September 4, 2017 เมื่อสัก 10 ปีก่อน ผมทำร้านอาหารแถวซอยอารี พหลโยธิน เป็นร้านเล็กๆแต่ก็มีลูกค้าได้แน่นอยู่บางที ผมมีแนวคิดบางอย่างมาเล่าครับ 1. เวลาลูกค้าตามอาหารว่ามาช้า ผมจะตอบว่าไปตามเดี๋ยวนี้เลยครับ แล้ว ก็จะวิ่ง เน้นว่า วิ่งจริงๆ การวิ่งจะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า เราจริงจังกับการตามอาหารที่มาช้า แม้มันจะไม่ได้ช่วยให้อาหารมาเร็วขึ้น แต่ มันทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า อารมณ์ของเค้าสำคัญกับเรา เค้าจะไม่โกรธเลย 2. ถ้าลูกค้ามีเด็กเล็กมาด้วย ขนมกรุบกรอบ มาวางก่อนเลย ไม่ต้องสั่ง เพราะ ถ้าอาหารช้าแต่เด็กไม่โยเย พ่อแม่จะทนได้ อย่าให้เด็กบ่นว่าหิวเด็ดขาด 3. ห้องน้ำต้องสะอาดที่สุด ลูกค้าไม่มีใครเดินไปเข้าครัวของร้าน แต่เค้าจะเข้าห้องน้ำ การที่ห้องน้ำของร้านสะอาดลูกค้าจะรู้สึกว่า เจ้าของร้านใส่ใจความสะอาด ห้องครัวคงจะสะอาดด้วย ผมลงมือถูห้องน้ำเองเสมอ 4. ลูกค้าไม่ชอบไปยืนรอหน้าห้องน้ำ การไปยืนเก้ๆกังๆหน้าห้องน้ำ มันทำให้ลูกค้าเสียลุค ผมเลยเอาแนวคิดมาจากเครื่องบิน คือ ถ้าห้องน้ำไม่ว่าง จะมีไฟสีแดงติด ผมเลยเอาโคมไฟมาอันนึงใส่หลอดไฟสีแดงไว้ในร้าน แล้วเชื่อมสายไฟกับในห้องน้ำ ถ้าลูกค้าเข้าห้องน้ำจะต้องเปิดไฟ โคมไฟสีแดงในร้านจะสว่างด้วย ลูกค้าที่จะคอยก็จะรู้ว่าห้องน้ำไม่ว่าง และจะไปห้องน้ำตอนที่ไฟดับ ง่ายๆเลย 5. ถ้าลูกค้าร้องเพลงตามเพลงที่เปิดในร้าน แสดงว่า ลูกค้าอารมณ์ดี ให้วนเพลงนั้นกลับมาเปิดอีกรอบนึง และ หาเพลงแนวๆเดียวกันเปิดตามๆกันการที่คนฮัมเพลงตาม เป็นการแสดงออกว่า เค้ากำลังมีความสุข เราต้องยืดเวลาความสุขนั้นออกไปให้ยาว เค้าจะชอบร้านเราโดยไม่รู้ตัว 6. ถ้าเมนูมีอาหารไม่มาก ให้เขียนเรื่องราวแรงบันดาลใจของการทำร้านอาหาร ที่มา ตำนาน ลูกค้าจะอ่านและรู้สึกว่ามีเรื่องราว 7. ฤดูฝนต้องเตรียมร่มใหญ่ๆไว้ บางทีลูกค้ามากินอาหารแล้วฝนตก เค้าก็ต้องกลับไปที่รถ ยิ่งลูกค้าที่มีเด็ก เค้าจะยิ่งกังวล การเตรียมร่มใหญ่ๆไว้แล้วเจ้าของร้านกางร่มให้ลูกค้า จะเป็นการสร้างความประทับใจที่ง่ายมาก แค่ แลกกับเสื้อเปียกเท่านั้นเอง แต่เราเปลี่ยนได้เพราะ เราเตรียมเสื้อไว้เปลี่ยนได้ 8. ถ้าอาหารช้ามากๆหรือผิดพลาด ขอโทษอย่างจริงใจและจริงใจ แล้วลดราคา 50% หรือไม่เก็บเงินเลย ลูกค้าจะรู้สึกถึงความสำคัญที่เราให้กับความรู้สึกของเค้า อย่าเสียดายเงิน ลูกน้องในครัวโกงร้านยังมากกว่านี้อีก 9. ทำให้ลูกค้ารู้ระดับราคาของอาหารโดยไม่ต้องเข้าร้าน ตอนเปิดร้านใหม่ๆ บางทีลูกค้าไม่แน่ใจว่า ร้านเราระดับราคาขนาดไหน เค้าจะไม่กล้าเข้า วิธีการคือ เขียนราคาอาหารให้เห็นที่ป้ายนอกร้าน 10. ทำให้ลูกค้านั่งดื่มนานขึ้นด้วยเพลงถูกใจ ข้อนี้ต้องดูว่าลูกค้าไม่ได้ขับรถมาเองนะครับ คนเรามักจะเกิดอยากดื่มอีกหน่อย เมื่ออยู่ดีๆเพลงโปรดจี๊ดใจดันเปิดขึ้นมาในขณะที่กำลังจะเรียกเก็บเงิน กลายเป็นเรียกมาสั่งเพิ่มอีกขวดนึง เราต้องสังเกตุว่า ระหว่างนั้นเค้าชอบเพลงไหน คุยเรื่องอะไร แล้วเลือกเพลงให้โดนใจ บางทีอยู่ต่อยาวมากครับ 11. ติดตามชาร์ทอันดับเพลงประจำสัปดาห์ แล้วจัดหามาด่วน อันนี้ เข้าใจได้ง่ายๆ ข้อดีตามแนวคิดข้างบน 11 ข้อเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผมทำเมื่อ 10-11ปีก่อน เฟซบุคยังไม่มี การโปรโมทออนไลน์ไม่ง่ายแบบนี้ หนทางในการบริการจึงเป็นหัวใจ ปัจจุบันเทคนิคมันคงเปลี่ยนไปหาวิธีการทำให้ลูกค้า ถ่ายรูปอาหารลงโซเชี่ยล มีมุมสวยๆถ่ายรูป หาคนดังมารีวิว ก็ทำให้ร้านดังกันได้เยอะเลยสมัยนี้ คิดแล้วอยากกลับไปทำร้านอาหารอีกจังครับ เทคนิคการบริการลูกค้าในร้านอาหาร LIKE THIS: Like Loading... ความท้าทายของนักโฆษณา By Trachoo Kanchanasatitya | Published: September 4, 2017 ความท้าทายของนักโฆษณา ราว 30 ปีกว่าก่อน โฆษณาทางโทรทัศน์ไม่น่าดูเลย น่าเบื่อมากคนต้องทนดูๆไป ผลทางการตลาดก็ราบรื่นไปตามเรื่อง เพราะไม่มีรีโมท ขี้เกียจลุกไปเปลี่ยนช่อง พอเข้าถึงยุคทีวีมีรีโมท พอตัดเข้าโฆษณา คนก็กดรีโมทไปช่องอื่น ดูอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่โฆษณา แบบนี้งบโฆษณาก็สูญเปล่า เพราะคนไม่เห็น คู่แข่งตัวฉกาจคือ รีโมททีวี วงการโฆษณาก็สู้สุดฤทธิ์ ไม่ยอมแพ้ไอ้รีโมทหน้าแฉล้ม วงการโฆษณาเกิดความคิดขึ้นมาว่า ถ้าเราทำโฆษณาให้สวย สนุก ดูดี เพลงเพราะ(ยุคนั้นยังไม่มีกฏหมายลิขสิทธิ์เพลง เพลงฝรั่งสามารถฟังได้ทางทีวีนี่แหละ แถมมีภาพสวยๆอีก) คนคงอยากดูมั้ง ได้ผลครับ ไปๆมาๆ หนังโฆษณาบ้านเราถ่ายทำดี ตัวแสดงดูมีเสน่ห์ ถ่ายเมืองไทยตัดต่อฮ่องกง วงการโฆษณากลับมาบูม คนชอบดูโฆษณามากกว่าหนังหรือละคร เพราะคุณภาพต่างกันลิบลับ คนไทยชอบโฆษณามาก คืนไหนมีโฆษณาใหม่ๆออกมาที่สนุกๆ ตื่นเช้าจะรีบไปบอกไปคุยกับเพื่อนว่า เห็นรึยังๆ ถ้ายัง คืนนี้ให้รีบกลับไปดู นั่งรอโฆษณาตัวโปรด ราวกับเป็นหนังสั้น วันๆนั่งรอดูอยากดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า วงการตลาดชอบใจ ถือว่าได้ Frequency การเห็นซ้ำสูง วงการโฆษณาไทยเก่ง โด่งดัง ต่างชาติต้องมาจ้างไปถ่ายให้ที่บ้านเค้า โปรดักชั่นเฮ้าส์เกิดเป็นดอกเห็ด หนังโฆษณาไทยไปได้รางวัลเมืองคานส์ เมืองที่นักโฆษณาอยากได้รางวัลแต่ไม่อยากขึ้นคานส์ วันเวลาหมุนไป อินเตอร์เน็ตเข้ามามีอิทธิพล นักการตลาดก็เอาหนังโฆษณาที่ฉายทางทีวีเอาไปใส่ในออนไลน์ ใส่ในยูทูปด้วย หวังเพิ่มโอกาสการเห็นหนังโฆษณา นอกจากเห็นแล้ว ถ้าชอบ ก็แชร์ อินเตอร์เน็ตเข้ามาสร้างความท้าทายให้นักโฆษณาอีกครั้ง เมื่อ หนังที่เหมือนอันที่ออกในทีวี คนจะไม่ชอบแชร์ เพราะ มันมีให้ดูในทีวีแล้ว วงการโฆษณาเลยต้อง สร้างหนังโฆษณาที่ออกฉายเฉพาะทางออนไลน์เท่านั้น สร้างยาวได้ไม่ต้อง 15 วินาที 30 วินาที 45 วินาที ยิ่งยาวยิ่งสนุก คนยิ่งชอบ ปัญหาไม่จบง่ายๆ เมื่อ คนไทยเปลี่ยนนิสัยอีกครั้ง คือ ดูทีวีน้อยลง แถม โฆษณาทางออนไลน์ก็ดูแค่ 1-2 ครั้ง ถ้าชอบมาก อาจดู 3 ครั้ง ถ้ามาอีกก็จะไม่ดูแล้ว ถ้าเห็นทางทีวี ก็ไม่ดูซ้ำแบบยุคเก่า ไม่ดูโฆษณาก้มหน้าเล่นมือถือดีกว่า ผลคือ Frequency ของการเห็นตกลง คือ คนดูซ้ำน้อยลง พอดูซ้ำน้อยลง ก็จำจุดขายไม่ได้ จำสโลแกนไม่ได้ จำหน้าตาแพคเกจจิ้งไม่ได้ คราวนี้ปัญหาหนักเลย พฤติกรรมการรับสื่อเปลี่ยนแปลงหนัก ยัง!!! แต่นี้ยังไม่สะใจ ต้องเจอดอกนี้ที่หนักเลยคือ เฟซบุค ส่งเสริมคลิปวิดีโอทางบ้านและการไลฟ์สด ผนวกกับ ทุกคนในสังคมมีกล้องวิดีโอในมือทุกคนตลอดเวลา แค่นั้นยังไม่พอ ซื้อกล้องมาติดหน้ารถ ให้มีเรื่องดราม่ามาออกเฟซบุคได้ทุกวัน ไม่นับสาวสวยยอมพลีชีพฉายเรือนร่างแบบวิดีโอเรียกยอดไลค์กันอีก คลิปวิดีโอมากมายออกมาแย่งความสนใจจากหนังโฆษณา หนังโฆษณาคราวนี้ ต่อให้ถ่ายดี สนุกแค่ไหน สวยแค่ไหน ก็ไม่น่าดูเท่าคลิปดราม่าที่สังคมกำลังพูดถึง นี่ยังไม่นับเรื่องราวที่น่าดู น่าด่า และเรื่องของเพื่อนๆในออนไลน์อีก หนังโฆษณาดังๆ ก็ดังไม่เกิน 2 วัน ก็เลิกดูแล้ว ความท้าทายครั้งนี้ หนักหนานัก ล่าสุด แม้กระทั่งเจ้าพ่อวงการชาเขียว ที่ออกแคมเปญแก้หนี้แจกเงิน ยังต้านกระแสไม่ไหว เงียบสนิท นักโฆษณาเจอโจทย์ใหม่ยากกว่าเก่าเยอะ ผลการโฆษณาตกลงอย่างรูดกระทูด นักการตลาดก็พลอยมึนตึ้บไปด้วย ทำอย่างไร แผนการตลาดจะถูกส่งต่อไปถึงผู้บริโภคในยุคนี้ได้ ผมเองก็มีไอเดียของผมที่จะสู้กับสถานการณ์แบบนี้ ส่วนวงการโฆษณาก็คงมีแนวทางของเค้าไป ลุงโฆษณาเก่าอย่างผมก็อยากตามเรียนรู้น้องๆหลานๆรุ่นใหม่ครับ เรียนรู้กันไม่หยุด เพราะ โลกมันไม่หยุดเปลี่ยนแปลง LIKE THIS: Like Loading... แนวทางการประยุกต์นำ DIGITAL TRANSFORMATION ให้เกิดภายในองค์กร By Trachoo Kanchanasatitya | Published: September 4, 2017 เคยสงสัยไหมครับว่า ธุรกิจของเราจะปรับเอา Digital Technology เข้ามาประยุกต์ใช้อย่างไร หลายท่านหลายเจ้าของกิจการ อ่าน ฟัง ดู เรื่องราว เช่น “10 เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก” , “20 กระแสออนไลน์ไม่เปลี่ยนไม่ได้” คำศัพท์ใหม่ๆ Ai, Internet of Thing, Big Data, Deep Learning, Blockchain สารพัดคำศัพท์ที่หลั่งไหลเข้ามาเต็มสมอง เค้าบอกว่าสำคัญ ต้องรีบนำมาใช้ แต่ ไม่รู้จะใช้มันอย่างไร ผมมีคำแนะนำครับ – ถ้าได้ยินหลายครั้ง แต่ไม่เข้าใจ จงรีบเข้าใจโดยด่วน ถ้าได้ยินบ่อยๆแปลว่า เค้าพูดกันหนาหูแล้ว เรายังไม่รู้เรื่อง เราจะตกหลุมรักเอ๊ย (Ai มันเลือกคำให้ผม) ตกขบวน หาอ่าน หาสัมมนาไปเข้าด่วน – ถ้าศึกษาแล้วไม่เข้าใจ อย่าตกใจ อย่าคิดไปว่า ถ้ากูไม่เข้าใจคนอื่นก็ไม่เข้าใจหรอก หยุด!! ไม่จริงมันมีคนที่เข้าใจแล้ว แต่เค้าไม่บอกคุณ – ถ้ามันยากเกินเข้าใจ อย่ากังวล ถ้าเรื่องแบบนี้มันคิดขึ้นมาได้ง่ายๆ คงมีคนคิดไปนานแล้ว จงคิดว่า บางทีเราอาจเริ่มก่อนคู่แข่ง เราจะได้ก้าวหน้าไปก่อนหนึ่งก้าว – ถ้ามันเข้าใจยาก จ้างคนที่เข้าใจเรื่องนั้นๆมาทันที ขั้นต้นจ้างมาเป็นที่ปรึกษาก่อน เราต้องเริ่มทดลองก่อน การทดลองทำก่อนทำให้เราเจอปัญหาก่อน และ จะเจอทางแก้ไขปัญหาก่อน ถ้าเจอแล้วอย่าบอกใคร เพราะ อาจมีคนเจอทางแก้ปัญหาก่อนเราเค้าก็ไม่บอกเราเหมือนกัน การเริ่มก่อน เท่ากับ นำหน้าคู่แข่ง – อีกทางนึงที่ง่ายๆคือ ธุรกิจของเราต้องมี คนที่ขายของให้เรา และ คนที่มาซื้อของจากเรา สิ่งที่เราต้องทำคือ ดูว่าคนที่ขายของให้เรา/คนที่ซื้อของๆเรานั้น เค้าริเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองเข้าหาเทคโนโลยีใหม่ๆอย่างไร การปรับตัวของเค้า อาจทำให้เราทำงานกับเค้ายากขึ้น เค้าจะไม่อยากร่วมงานกับเราอีก ดังนั้นหากเค้าปรับอย่างไรก็ปรับตัวตามแนวเค้าเลย ยิ่งหากเค้าเป็น Supplier หรือ ลูกค้าที่เก่งๆ เราปรับกระบวนการตามเขาเลย – อีกแบบที่ง่ายๆคือ ศึกษาวิธีการของบริษัทแนวเดียวกับธุรกิจของเราในเมืองนอกว่า เค้าใช้อย่างไร ไม่ต้องคิดต่อต้าน เทคโนโลยีมันเกิดมาเพื่อเปลี่ยนโลก เราเล็กกว่าโลก ถ้าโลกยังโดนมันเปลี่ยน มันก็เปลี่ยนเราได้สบายๆ – ขั้นสุดท้ายคือ รับเทคโนโลยีนั้นมาทำเลย อย่ากังวลว่าจะลงทุนเร็วไปแล้วจะขาดทุน จงคิดว่า การให้คู่แข่งทำไปก่อนคือการขาดทุน ยิ่งถ้าคุณทำสำเร็จก่อนคู่แข่ง แม้มันจะต้องใช้เงินมากกว่า แต่ คุณจะบลัฟคู่แข่งได้ตลอดชีวิต ขาดทุนคือกำไร ทั้งหมดนี้ คือ เบื้องหลังของคำว่า Digital Transformation เรื่องยากๆที่ทำง่ายๆ แค่ คิดจะทำ ขอให้ทุกนักรบธุรกิจประสบชัยชนะในสมรภูมิธุรกิจยุคดิจิตอลทุกท่านครับ LIKE THIS: Like Loading... 11 เหตุผลที่การสนับสนุนนักกีฬาเป็นเหตุผลที่ดีมากๆสำหรับการตลาด By Trachoo Kanchanasatitya | Published: September 4, 2017 11 เหตุผลที่การสนับสนุนนักกีฬาเป็นเหตุผลที่ดีมากๆสำหรับการตลาด 1. นักกีฬาจะใส่เสื้อที่มีแบรนด์ของคุณได้บ่อยๆ แต่ ดารา โนเวย์ 2. วันที่นักกีฬานำชัยชนะมา เค้าคือความภูมิใจของคนทั้งประเทศ ดารา…… 3. นักกีฬาเก่งๆ เป็นนักกีฬาที่เก่งได้ “ส่วนมาก” เพราะมีวินัย ไม่ใช่แค่ ถ่ายรูปขึ้น ดังนั้นเราจึงมักวางใจได้ว่า เค้าจะไม่ทำให้แบรนด์เสียหาย 4. นักกีฬา มักมีรูปร่างดี เวลาสวมเสื้อผ้าที่มีแบรนด์ ทำให้แบรนด์ดูดีมาก คนจะอยากใส่ตาม 5. ดาราอาจมีหนังและละครปีละ 1-2 เรื่อง แต่ นักกีฬามีเหตุให้ออกสื่อบ่อยมาก โลโก้เราจะถูกเห็นบ่อยๆ 6. พ่อแม่ มักจะสอนลูกให้ทำตัวตามแบบนักกีฬามากกว่า ทำตัวตามดารา สินค้าของคุณจะเข้าไปในใจของเด็ก รอวันที่เด็กจะโตเป็นผู้ใหญ่ 7. นักกีฬาดังๆ มักมีตำแหน่งทางกีฬา เช่น มือวางอันดับ 1 นักกีฬาเหรียญทอง แชมป์หญิงเดี่ยว แชมป์ชายคู่ ทำให้แบรนด์มีภาพพจน์เชิงระดับดีไปด้วย 8. นักกีฬา เป็นเครื่องวัดระดับความเจริญทางจิตใจ สินค้าที่สนับสนุนกีฬา มักเป็นแบรนด์ที่ใจกว้าง 9. นักกีฬา ใช้เวลานานกว่าจะเป็นแชมป์ สินค้าที่สนับสนุนนักกีฬาตั้งแต่ยังไม่ดัง คนจะเชื่อว่า เป็นสินค้าเป็นนักบริหารที่มองการไกล 10. การที่นักกีฬา มีแบรนด์ของคุณบนเสื้อ คนจะรักแบรนด์คุณโดยไม่รู้ตัว 11. การสนับสนุนนักกีฬา เป็นการสนับสนุนวงการกีฬา คือการสร้างให้คนรู้จักดีใจเมื่อชนะ และ ทำใจเมื่อต้องแพ้ เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างคน สร้างสังคม #มาสนับสนุนวงการกีฬากันสิครับ LIKE THIS: Like Loading... « Older posts * CATEGORIES * BMW Z4 E89 SDrive23i * Crazy!!! * Digital Marketing * Food * From my experiences * From My Facebook * International Politics * Japan Travel * Marketing and Branding * Our Earth * Our Earth our nature * Our Nature * See it, think about it * Technology and Gadget * Tour and Travel * Vellfire 2015 ZG Edition * เที่ยวญี่ปุ่น * RECENT POSTS * ห้องประชุมให้เช่า รามอินทรา เกษตร-นวมินทร์ เอกมัย-รามอินทรา * การล้าง EGR คืออะไร เพื่ออะไร * Umami ( อูมามิ ) คืออะไร รสชาติที่ 5 ที่นักวิทยาศาสตร์ยอมรับเป็นภาษาวิชาการแล้ว * Omakase คืออะไร รีวิวความอร่อยร้าน Kitaohji ตำนานพรีเมี่ยม 70 ปีจากญี่ปุ่นสู่กรุงเทพ * The Gate Hotel Asakusa Kaminarimon โรงแรมสำหรับการดื่มด่ำบรรยากาศมุมคลาสสิคของโตเกียว * Karakoram Highway กับยุทธศาสตร์ของจีน * เทคนิคการบริการลูกค้าในร้านอาหาร แชร์ประสบการณ์ตรง * ความท้าทายของนักโฆษณา * แนวทางการประยุกต์นำ Digital Transformation ให้เกิดภายในองค์กร * 11 เหตุผลที่การสนับสนุนนักกีฬาเป็นเหตุผลที่ดีมากๆสำหรับการตลาด * AI หรือ Artificial Intelligence น่ากลัวจริงๆเหรอ * วิธีการใช้รถบ้าน RV เพื่อการท่องเที่ยว จากประสบการณ์ตรง * อเมริกากับแผนการยึด 7 ประเทศตะวันออกกลาง * ใครเป็นใครในปัญหาซีเรีย สรุปย่อสั้นๆ * Recommended Thai food shop near Oun Hotel , Yothin Patana 3 * ARCHIVES * December 2022 * July 2019 * August 2018 * November 2017 * September 2017 * March 2016 * December 2015 * November 2015 * October 2015 * September 2015 * August 2015 * June 2015 * May 2015 * April 2015 * March 2015 * February 2015 * December 2014 * November 2014 * July 2014 * June 2014 * May 2014 * April 2014 * March 2014 * February 2014 * January 2014 * December 2013 * November 2013 * October 2013 * September 2013 * META * Log in * บทความ โดย Trachoo.com อนุญาตให้ใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย. Powered by WordPress . Built on the Thematic Theme Framework. Supported by geranun.com® & TalonTV %d bloggers like this: Thanks for sharing! Copy and paste link in email or IM. Do Not Track GET Your Button